กลิ่นเหม็นอับ ที่เกิดจากตู้แอร์ภายในห้องโดยสารหรือในห้องนอน เป็นแหล่งการสร้างเชื้อโรคชั้นเยี่ยม ที่อยู่ภายในห้องโดยสาร ในเวลาที่เปิดแอร์ กระแสลมได้พัดพานำ แบคทีเรีย เชื้อราต่างๆ ออกมาปนเปื้อนอยู่ในอากาศ เมื่อเราหายใจเข้าไปก็จะรับเอาเชื้อโรคเข้าไปด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยในหลายโรคที่เกิดขึ้น การดูแลรักษา และ รู้จักการใช้แอร์อย่างถูกวิธี ย่อมเป็นการช่วยให้ห้องโดยสารไม่มีกลิ่นอับหรือมีกลิ่นที่น้อยลงได้
แอร์ porcoenergy.com
- อย่าวางสิ่งของขวางทางลมเข้าออก เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ลดลงและสิ้นเปลืองค่าไฟฟ้า
- หมั่นล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้มีฝุ่นเกาะ เพราะหากแผ่นกรองอากาศสกปรกหรืออุดตัน จะทำให้แอร์ทำงานหนัก ห้องไม่เย็น และสิ้นเปลืองค่าไฟฟ้า การล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ คือ ถอดหรือเปิดตะแกรงพลาสติกด้านหน้าตัวเครื่องแอร์ นำแผ่นกรองอากาศที่อยู่ด้านใน ออกมาเป่าด้วยลมหรือล้างด้วยน้ำสะอาดและผึ่งให้แห้ง จากนั้นนำกลับไปใส่ไว้ตามเดิม ควรทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้ง
- ควรติดตั้งชุดระบายความร้อน ไว้ในบริเวณที่โปร่งโล่ง เพื่อให้อากาศภายนอกหมุนเวียนได้สะดวก ควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งในตำแหน่งที่อับลม เช่น ใต้ถุนอาคารหรือใต้ราวบันได และควรหลีกเลี่ยงการนำสิ่งของไปวางไว้บริเวณรอบ ๆ เพราะอาจจะทำให้ลมไหลเวียนได้ไม่สะดวก และยังทำให้แอร์ทำงานหนักและใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ที่สำคัญ อย่าติดตั้งชุดระบายความร้อนใกล้ผนังจนเกินไป เพราะจะทำให้ระบายความร้อนไม่สะดวก ควรติดตั้งห่างจากผนังไม่น้อยกว่า 15 ซ.ม.
- ทำความสะอาดแผงท่อของชุดระบายความร้อน โดยการใช้แปรงนิ่ม ๆ และฉีดน้ำล้างเพื่อทำความสะอาดบริเวณแผงอลูมิเนียมและคลีบระบายความร้อน ทุกๆ 6 เดือน จะช่วยทำให้แอร์ระบายความร้อนได้ดีขึ้นและช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้า
- ตรวจสอบฉนวนหุ้มท่อน้ำยาอย่างสม่ำเสมออย่าให้ฉีกขาด และเพื่อให้แอร์ที่ใช้งานมีประสิทธิภาพอยู่เสมอและประหยัดพลังงาน
ลองนำเคล็ดลับที่แนะนำไปดูแลรักษาแอร์กันดูได้เลยครับ
ที่มา tumsrivichai.com เดลินิวส์ออนไลน์
---------------------------------------------
ทุกครั้งก่อนสตาร์ตเครื่องยนต์ ควรที่จะปิดแอร์ (ปุ่ม AC) ภายในรถยนต์เสียก่อน ที่จะสตาร์ตเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์ต้านทานการหมุนของเครื่องยนต์ในขณะสตาร์ต ในกรณีที่จอดรถตากแดดเป็นเวลานานควรที่เปิดประตูทิ้งไว้ซัก 2-3 นาที เพื่อระบายความร้อนออกจากห้องโดยสาร “ความร้อนของแสงแดดที่สาดส่องลงมาเป็นเวลานานทำให้สารเคมีที่เป็นส่วนผสมของพลาสติกต่างๆ ภายในห้องโดยสารนั้นระเหยออกมา เมื่อเข้าไปนั่งภายในห้องโดยสารในทันที ร่างกายก็จะสูดรับเอาสารเคมีนั้นเข้าไปด้วยซึ่งเป็นโทษต่อร่างกายในระยะยาว”
เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วควรที่จะเปิดพัดลมแอร์ทิ้งไว้ซัก 1 นาที เพื่อไล่ความร้อนที่สะสมอยู่ในตู้แอร์ แล้วค่อยกดเปิดแอร์ ( ปุ่ม AC) ให้คอมเพรสเซอร์ทำงานสร้างความเย็นภายในห้องโดยสาร ปรับสวิตช์ที่ใช้ปรับระดับความเย็นไปที่ตำแหน่งเย็นสุด แล้วจึงปรับสวิตช์ควบคุมความเร็วของพัดลม และสวิตช์ควบคุมระดับความเย็น ลงสู่ตำแหน่งที่สัมพันธ์กับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารตามต้องการ
ในส่วนของการเลิกใช้งาน ก่อนถึงบ้านประมาณซัก 2-3 กม. ให้กดปุ่มปิดการทำงานของคอมเพรสเวอร์(ปุ่ม AC) เพื่อหยุดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ และปรับสวิตซ์พัดลมแอร์ให้มีความแรงเพิ่มขึ้น เพื่อให้พัดลมเป่าไล่ความชื้นออกจากตู้แอร์ จะทำการปิดสวิตซ์พัดลมแอร์เมื่อวอร์มดาว “ปิดพัดลมแอร์ก่อนดับเครื่องยนต์” ซึ่งการทำอย่างนี้เป็นประจำนั้นช่วย ลดความอับชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ห้องโดยสารมีกลิ่นเหม็นอับ รวมทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของตู้แอร์ให้ผุกร่อนช้าลงกว่าเดิม
ที่มา :
คอลัมน์ รอบรั้วบ้าน นิตยสารชีวจิต
carcare.exteen.com
Labels: บ้าน, แอร์, แอร์บ้าน, แอร์รถ